
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุ กระทรวงการคลังได้เสนอรายละเอียดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแจกเงินดิจิทัลเฟส 3 มายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว และเชื่อว่าน่าจะเวียนขอความเห็นของหน่วยงานต่างๆ จากนั้นคาดว่าจะบรรจุเข้าวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วๆ นี้

นายจุลพันธ์ ยอมรับด้วยว่า เงินดิจิทัลเฟส 3 คงแจกไม่ทันช่วงสงกรานต์ ขอให้รอก่อน เพราะยังมีขั้นตอนการเสนอเข้า ครม. ส่วนการจัดทำระบบเพื่อรองรับการใช้จ่ายเงินดิจิทัลนั้น ที่ผ่านมาได้รับรายงานเบื้องต้นว่ากำลังเร่งดำเนินการอยู่
ส่วนรายละเอียดการแจกเงินดิจิทัลเฟส 3 นั้น กระทรวงการคลัง แจ้งเหตุผลความจำเป็นของการดำเนินโครงการว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 67
โดยวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม
อีกทั้งยังพัฒนาสภาพแวดล้อมเพื่อทดสอบระบบการชำระเงินกลางของประเทศ ใช้ฐานข้อมูลที่ได้ลงทะเบียนไว้ในแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการเริ่มดำเนินการเป็นครั้งแรก จะเริ่มจากกลุ่มเป้าหมายที่มีความรู้ความเข้าใจ และสามารถประยุกต์ใช้ดิจิทัล (Digital Adoption) ได้สูง นั่นคือ เด็กไทยที่มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี รวมประมาณ 2.7 ล้านคน ก่อนเป็นลำดับแรก
การดำเนินโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้ที่อยู่ในวัยเรียนมีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ช่วยเพิ่มการบริโภคสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ พึ่งพาตนเองได้ และเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพด้วย
คุณสมบัติผู้มีสิทธิ์รับเงินดิจิทัลเฟส 3
เป็นผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 สำเร็จ
มีสัญชาติไทยและอายุตั้งแต่ 16-20 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ 15 ก.ย. 2567 (เกิดตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2547-16 ก.ย. 2551)
ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ
เป็นผู้ที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ณ วันที่ส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมการปกครอง ไม่รวมถึงทะเบียนบ้านกลาง
ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกินกว่า 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567 โดยให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงกรณีบัญชีเงินฝากประเภทบัญชีร่วม บัญชีเพื่อ และบัญชีโดย และผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทสลากออมทรัพย์
ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกินกว่า 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
ไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตามฐานข้อมูลของ พม. ณ วันที่ 30 พ.ย. 2567
ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ประกอบด้วย นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พ.ย. 2567