ยุคแห่ง “วัยรุ่นไตวาย” กูรูย้ำเตือน 3 อาหาร 4 พฤติกรรม “ตัวเร่ง” ยิ่งอายุน้อยยิ่งนิยม!!!

เตือนภัยสุขภาพ! คนรุ่นใหม่เสี่ยง “ไตวาย” มากขึ้น พบ 3 อาหารตัวเร่งทำลายไต ยิ่งอายุน้อยยิ่งนิยม

ในปัจจุบันมีแนวโน้มว่าคนรุ่นใหม่จำนวนมากประสบปัญหาเกี่ยวกับ “ไตวาย” ตั้งแต่อายุยังน้อย แม้จะรู้สึกว่าตนเองมีสุขภาพแข็งแรง แต่กลับต้องช็อกเมื่อพบผลตรวจทางการแพทย์ว่าเป็นโรคไต

โดยหนึ่งในกรณีที่สะท้อนภาพปัญหานี้อย่างชัดเจน คือเรื่องราวของ “เสี่ยวหลี่” หนุ่มวัย 27 ปีจากประเทศจีน แม้เขาจะมั่นใจในสุขภาพของตนเองมาโดยตลอด แต่เมื่อไม่นานมานี้เริ่มสังเกตว่าตนเองปัสสาวะบ่อยผิดปกติ แม้จะดื่มน้ำน้อย และปัสสาวะมีสีจางคล้ายน้ำเปล่า อีกทั้งยังมีอาการปวดหลังและอ่อนเพลียอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาล แพทย์วินิจฉัยว่าไตทำงานผิดปกติ ไม่สามารถควบคุมสมดุลน้ำและอิเล็กโทรไลต์ในร่างกายได้ตามปกติ จึงทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อยและเหนื่อยง่าย ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนสำคัญของโรคไต

หลังรับการรักษา อาการของเสี่ยวหลี่เริ่มดีขึ้น เขายังได้เตือนผู้คนรอบตัวให้ใส่ใจสัญญาณเล็กๆ ที่ร่างกายส่งออกมา โดยเฉพาะอาการหลังจากดื่มน้ำ เพราะการตรวจพบโรคไตแต่เนิ่นๆ จะช่วยรักษาได้ทันท่วงทีและลดความรุนแรงของโรค

3 อาหารตัวร้าย ทำลายไตโดยไม่รู้ตัว

“ไต” เป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่กรองของเสียและควบคุมความสมดุลของร่างกาย แต่บางอาหารที่หลายคนชื่นชอบกลับกลายเป็น “ตัวเร่ง” ทำลายไตอย่างรุนแรง ได้แก่

อาหารเค็มจัด เช่น ของหมักดอง เนื้อรมควัน การบริโภคเกลือในปริมาณมากทำให้ระดับโซเดียมในร่างกายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ไตทำงานหนักและเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดโรคไตและเนื้อเยื่อไตถูกทำลาย

อาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล น้ำซุป การย่อยสลายพิวรีนจะสร้างกรดยูริก ซึ่งหากสะสมมากอาจตกผลึกในไตจนก่อให้เกิดนิ่วหรือโรคไตจากกรดยูริกสูง เช่น โรคเกาต์

อาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม บริโภคน้ำตาลมากเกินไปเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคไตเรื้อรัง และอาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้ในที่สุด

4 พฤติกรรมทำร้ายไตโดยไม่รู้ตัว

นอกจากอาหารที่บริโภคแล้ว พฤติกรรมประจำวันบางอย่างก็กำลังบ่อนทำลายไตอย่างเงียบๆ ได้แก่

นอนดึกเป็นประจำ ช่วงเวลากลางคืนคือช่วงที่ไตได้ฟื้นฟูตัวเอง การอดนอนหรือพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ไตไม่มีเวลาซ่อมแซม และเสี่ยงต่อการเสื่อมสมรรถภาพไตในระยะยาว

ทำงานหนักเกินไปและเครียดสะสม ความเครียดและความเหนื่อยล้าสะสมจะกระทบต่อระบบเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ไตต้องทำงานหนักเกินกำลัง

กลั้นปัสสาวะบ่อย การกลั้นปัสสาวะทำให้ปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะนาน เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ลุกลามไปถึงไต และก่อให้เกิดภาวะไตอักเสบได้

การกินอาหารไม่สมดุล การบริโภคอาหารที่มีเกลือ น้ำตาล และไขมันสูงเกินไปจะทำให้ไตรับภาระหนัก เพิ่มความเสี่ยงโรคไต ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคอ้วน ซึ่งล้วนเป็นตัวการทำลายไตอย่างเงียบๆ

ทั้งนี้ การป้องกันภาวะไตเสื่อมนั้น สามารถเริ่มต้นได้จากพฤติกรรมประจำวันง่ายๆ โดยการนอนหลับให้เพียงพอ, ไม่ทำงานหนักเกินไป, ปัสสาวะให้ตรงเวลา, เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพราะการดูแลไตไม่ใช่เรื่องยาก หากเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ ไตก็จะสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นเกราะป้องกันสุขภาพของเราในระยะยาว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *